Monday, March 14, 2011

ประโยคเด็ดที่จับใจ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง บนเวทีการแจกรางวัล "นาฏราช"

'คนเกลียดในหลวง...เป็นศัตรูกับผม' ความใน (หัว) ใจ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
"... เป็นรางวัลที่ได้รับบทบาทจากผู้ที่เป็นพ่อนะฮะ ก็ขออนุญาตพูดถึงพ่อนิดหนึ่งก็แล้วกันครับ พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่นะครับ ใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมานี่บ้านหลังนี้ก็สวยงามมากแล้ว สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมานะครับ จนมาถึงวันนี้ พ่อคนนี้ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และก็ดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน"

"ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกไปบอกกับคนๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ..."

"เพราะ ที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ... ผมรักในหลวงครับ ... และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน"

กลายเป็น "ทอล์กออฟเดอะทาวน์" ไปแล้วกับประโยคเด็ดที่จับใจ และกระแทกหัวใจใครหลายคนบนเวทีการแจกรางวัล "นาฏราช" ครั้งที่ 1 ประจำปี 2552 โดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 หลังจากที่ พงษ์พัฒน์ คว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมใน "บทพ่อ" กับละครเรื่อง "พระจันทร์สีรุ้ง" ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสสัมภาษณ์หลังจาก ดารามากฝีมือคนนี้ได้เปล่งประโยคทองของครึ่งปี 2553 ออกมา...


Q: เป็นความตั้งใจแรกเลยใช่ไหมที่คุณจะพูดถึงเรื่องในหลวงบนเวทีหลังจากที่ได้รับรางวัลในคืนนั้น...?


A: จริงๆ แล้วทั้งปีนี้ผมพูดเรื่องพ่อมาตลอดและที่ผมพูดเรื่องพ่อเพราะว่ามันเป็นรางวัลที่ได้รับในบทบาทของการเป็นพ่อ ฉะนั้นก็เลยถือเป็นโอกาสที่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องพ่อขึ้นมา


Q: ก่อนหน้านี้ในหลายเวทีที่คุณได้รางวัลก็เห็นคุณก็เคยมีความพยายามทีี่จะพูดถึงเรื่องราวของพ่อทำนองนี้เหมือนกัน แต่โดนทางช่องตัดบทพูดเรื่องนี้ของคุณทิ้ง...?

A: เป็นเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด เพราะผมเป็นคนรักพ่อ และบางคนก็ไม่ชอบพ่อไม่รักพ่อมีคนที่ด่าพ่อ ผมไม่ได้พูดถึงแผนผังของการล้มเจ้าตามทางหน่วยงานราชการเขาพูดกันไม่เกี่ยวกัน เราแค่พูดถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ด่าพ่อไม่ชอบพ่อ บางครั้งมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องลุกขึ้นมามาปกป้องพ่อของแผ่นดินบ้าง เพราะ
ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้มันเกินไปแล้วที่มีคนกล่าวล่วงเกินท่านมากไปแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ออกมาโต้ตอบอะไรเลย ซึ่งประเด็นของผมมันเป็นการแสดงออกถึงความรักของพสกนิกรที่มีต่อในหลวง ผู้คนในวงการบันเทิงก็ทำกันมากนะครับ อย่างพี่เบิร์ด-ธงไชย เมดอินไตย ก็ร้องเพลงให้แก่ในหลวง หรืออย่างคุณบอย-โกสิยพงษ์ก็แต่งเพลงให้พระองค์ท่าน อีกทั้งยังทำกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการเชิดชูพระองค์ท่านตลอด อย่างของผมนี่จะเน้นไปทางของการปกป้องพระองค์ ที่มีการก้าวล่วง ซึ่งเมื่อมีการกล่าวในที่สาธารณะมันก็เลยกลายเป็นประเด็น กระจายกันออกไป ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องรู้สึกแบบนี้ ทุกคนอยากจะตะโกนประโยคเดียวกับที่ผมพูด คือ “ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกไปบอกกับคนๆ นั้นว่า ถ้าเกลียดพ่อไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ ...”


Q: เป็นประโยคที่ทุกๆ คนคิดและรู้สึกไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาดังๆ คุณจึงเป็นเหมือนตัวแทน...?

A: ผมก็บอกไปบนเวที หลังจากที่พูดจบแล้วว่า อย่าอายที่จะบอกว่ารักชาติ อย่าอายว่าจะบอกว่ารักศาสนา และรักในหลวง เหมือนเวลาที่เราจะบอกรักพ่อ แม่เรามันเป็นสิ่งที่พวกเราควรที่จะทำ อย่าอายที่จะกอดท่านมันก็เหมือนกันกับเรื่องนี้แหละ อย่าอายที่จะรักชาติ และคิดว่าทุกคนก็คงจะคิดเหมือนกันกับผม แต่ไม่มีโอกาสที่จะพูด ไม่งั้นคงจะไม่มีคนที่นั่งฟังแล้วร้องไห้

ผมบอกได้เลยว่าในวงการบันเทิงเนี่ยเรารักในหลวงกันทุกคนแหละ ทำกิจกรรมอะไรเพื่อเทิดทูนในหลวงตลอด ภาพที่พวกเราเห็นมาตลอดคือ เป็นในหลวงเพียงองค์เดียวในโลกที่ท่านพายเรืออยู่ในน้ำ เป็นกษัตริย์องค์เดียวที่อยู่ในนา เดินตากฝน เดินป่า ผมว่าไม่ต้องเป็นกษัตริย์หรอกแค่เป็นคนธรรมดาที่มีเงินสัก 100 ล้านก็ไม่คิดจะมาทำตัวอย่างนี้แน่นอน แล้วคนที่ด่าท่านล่ะทำอะไรให้กับแผ่นดินบ้าง จำได้ว่าพอผมลืมตามาก็เห็นบ้านหลังนี้สงบสุขแล้ว ก่อนที่บ้านเมืองนี้จะสงบ กษัตริย์ทุกพระองค์ต้องออกรบมา เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธว่าที่นี่คือบ้านท่าน และพวกเราคือผู้อาศัย มันก็แปลกนะที่จะลุกขึ้นมาปกป้องแล้วก็ช่วยกัน ผมขออนุญาตหาแนวร่วมเลยแล้วกัน อย่าปฏิเสธว่าวันนี้ไม่มีคนด่าท่าน ก้าวล่วงท่าน แม้กระทั่งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ที่มีเจ้าหน้าที่ที่เอาคำพูดไปลง ก็จะมีคนมาพูดว่าต่างๆ นาๆ มันก็เป็นเรื่องจริงที่มันปรากฏ เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธความจริงแล้วหันมาก็ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้น

Q: มีคนสงสัยว่าคำพูดบนเวทีเป็นการเตี๊ยมกัน หรือมีสคริปต์ให้ท่อง ความเป็นจริงเป็นอย่างไร...?

A: ผมพูดออกมาจากใจ พูดออกมาด้วยหัวใจไม่มีการนัดแนะแต่อย่างใดครับ

Q: เห็นสถานการณ์การเมืองจากฝ่ายล้มสถาบันที่ใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นกันแบบนี้ คุณมองสงครามที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลทั่วเมืองแบบวันนี้ว่าอย่างไร..?

A: พูดตรงๆ นะว่า ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง หลากสีออกมาเยอะๆก็ดี มันคือประชาธิปไตย แต่ควรจะเคารพเสียงส่วนใหญ่ และอยู่ในกฎระเบียบ และเคารพกฎหมายเท่านั้นเอง บางสิ่งที่เลยไปก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะปราบปราม อย่าง "บางครั้งคุณอภิสิทธิ์ก็อาจจะช้านิดหนึง" แต่ในเมื่อเราไว้ใจท่านแล้ว ก็ต้องให้ท่านทำงาน แต่สำหรับผมก็เสียดายเวลาที่จะเอามาบริหารบ้านเมือง เพราะเชื่อว่าความสามารถของคุณอภิสิทธิ์สามารถที่จะนำพาบ้านเมืองไปได้ไกลกว่านี้เยอะ แต่ก็ต้องมีบ้างนะที่จะเสียเวลาในการถางหญ้ามันก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตย เรื่องของกฎหมายนะ

Q: เห็นต่างได้ แต่ต้องเคารพกฎหมาย-ประชาธิปไตย-เสียงส่วนใหญ่ ที่สำคัญต้องไม่ใช้ความรุนแรง?

A: กฎหมายว่าผิดไม่ผิด ผมก็ไม่รู้ก็ว่ากันไปตามที่กฎหมายมี กองกำลังไม่ทราบฝ่ายคืออะไร อย่างนี้ก็ผิดกฎหมายแล้ว


Q: คำพูดต่างๆ ที่คุณกล่าวบนเวทีเป็นการสื่อสารไปถึงใครโดยตรงไหม เช่น พวกเสื้อแดงหรืออดีตผู้นำ-ทหาร-ตำรวจ-นักการเมืองใหญ่...?

A: ไม่เกี่ยวเลยนะ เพราะผมเรียนไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่เกี่ยวกับแผนผังกระบวนการล้มชาติที่เกิดขึ้น เพราะตรงนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง อยู่ในขั้นตอนของการกล่าวหา ฟ้องร้องขึ้นศาลก็ว่ากันไป คนพวกนี้ไม่เกี่ยว เลยไปเปิดดูในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บที่เกี่ยวข้องบางที่ต่างหากครับที่ผมเห็นแล้วผมไม่กล้าดู เพราะผมรู้สึกตลอดเวลาว่าคนพวกนี้ทำอะไรให้กับแผ่นดินบ้าง เขาถึงได้มาด่าคนที่สร้างผลประโยชน์ให้กับแผ่นดินอย่างมหาศาลอย่างนี้ และทั้งที่ชีวิตคุณทำอะไร แล้วคุณมาด่าคนที่เขาทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทยทั้งชีวิต เป้าหมายของผมอยู่ที่คนกลุ่มนี้

Q: คุณกำลังจะบอกว่าสิ่งที่คุณทำมาตลอด จนกระทั่งประกาศบนเวทีมอบรางวัลนั้น คุณมองไปไกลกว่าตัวละครที่รัฐบาล หรือ ศอฉ. ระบุว่าอยู่ในแผนล้มเจ้าใช่ไหม...?

A: ใช่ มาถามผมว่าคุณทักษิณไม่รักในหลวงเหรอ ผมไม่รู้ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผมไม่รู้ ถ้าหากพิสูจน์ออกมาแล้วว่าท่านคิดจะล้มเจ้าจริงก็ค่อยว่ากัน ก็เป็นอีกเรื่องนึง คำพูดของผมก็ต้องกระแทกใจท่านแหละ คุณจตุพร ณัฐวุฒิ ก็ไม่รู้สึก ก็ต้องเห็นด้วยกับผม ถ้าหากว่ารักในหลวงเมื่อไหร่ใครก็ตามที่ด่าในหลวงก็ต้องโกรธ

Q: อย่าโกรธอยู่ในใจอย่างเดียว โกรธแล้วต้องออกมาปกป้องพ่อด้วย...?

A: ถูก ผมมุ่งเป้าหมายไปที่ใคร อย่างที่เห็นชัดๆ เลย คือที่เฟซบุ๊กในอะไรต่อมิอะไร ซึ่งรัฐบาลเฝ้าปราบปราม มันก็ไม่หมดหรอก ฉะนั้นเราจึงต้องออกมาพูดบ้างก็ดี

Q: ครอบครัวพูดอย่างไร และมีดารา-นักแสดงคิดแบบคุณเยอะไหม..?

A: ผมคิดว่านักแสดงทุกคนๆ ก็รักในหลวงมากมาย เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะได้พูด อาจจะเป็นเรื่องความกล้าหรือไม่กล้า ไม่เกี่ยว มันอยู่ที่โอกาสมากกว่า

Q: หลายคนถามด้วยความเป็นห่วงว่า ออกมาพูดแบบนี้ไม่กลัวเหรอ เพราะปัจจุบันเสมือนว่าเราอยู่ในยุคที่อันธพาลครองเมือง

A: ไม่กลัวครับ ผมต้องกลัวอะไรหรือครับ หรือแม้กระทั่งเรื่องกลัวว่าจะโดนแบน ผมบอกได้เลยว่าอย่าไปกลัวครับ เพราะว่าศีรษะของผมได้ถวายให้ในหลวงไปแล้วครับ "คนที่เกลียดในหลวง...ก็คือคนที่เป็นศัตรูกับผมแค่นั้นเอง" ใครมาด่าพ่อ เราเป็นลูกเราก็ต้องปกป้อง ถามว่าผมผิดตรงไหน ฉะนั้นใครก็ตามที่ด่าเขา
ก็อยู่ตรงกันข้ามของผมแค่นั้นเอง

Q: ไม่กลัวกระทบเรื่องงานเช่น สังกัดไม่เข้าใจ ไม่ให้ทำละคร ไม่ให้แสดง วงการหนังไม่ให้กำกับหนัง...?

A: ในช่องไม่มีใครที่ไม่รักในหลวงครับและคนทำหนังมีใครไม่รักในหลวงบ้างครับ ประเทศไทยส่วนมากที่รักท่าน มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่รักท่าน เพราะส่วนมากมีแต่คนที่คิดเหมือนกับผมทั้งนั้นแหละ วันนี้รายการเกือบทุกรายการช่อง 3 – 5 – 7 - 9 - NBT - ไทยทีวี ได้เอาภาพของผมที่พูดไปออกอากาศผมถามว่านี่คือการแบนหรือว่าเป็นการส่งเสริมสร้างความเข้าใจให้ผู้ที่คิดได้และกล้าที่จะออกออกมาพูด ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ เพราะถ้าเราโดนกันมาขนาดนี้แล้วยังนิ่งเฉยอยู่ ผมว่าบางครั้งเราต้องโทษตัวเองแล้ว

Q: ถ้ามีคนบอกว่าเป็นกลางไม่ใช่ฝ่ายไหน มีอะไรที่อยากบอกกับคนที่ปล่อยให้คนด่าพ่อของตัวเองโดยไม่ทำอะไรเลยบ้าง..?

A: ก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่อย่าด่าโดยไม่มีข้อมูลเพราะเราทนไม่ได้เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเห็นและสิ่งที่เราเทิดทูนกันทั้งหมดเนี่ยนะครับมันน้อยมากกับสิ่งที่ท่านทำ เพราะตั้งแต่เราเกิดมา สิ่งแรกของภาพที่เราเห็นท่านทำอะไรอยู่ เราเห็นมาตลอด 60 ปี และผมถามว่ากษัตริย์ในโลกนี้พระองค์ไหนบ้างที่ทำแบบพระองค์ท่าน เอาแค่เนี่ย...

Q: วันนี้บ้านหลังนี้ในสายตาคุณเป็นอย่างไรบ้าง...?

A: ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็เห็นบ้านหลังนี้สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้บรรพบุรุษของพ่อต้องเอาเลือดเนื้อและชีวิตแลกมาถึงจะได้บ้านหลังนี้ แต่พวกเราที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นบ้านหลังนี้อบอุ่นสวยงามอยู่แล้ว ผมจึงอยากบอกว่าพวกคุณที่ด่า ที่เกลียด ลืมตามาก็เห็นบ้านหลังนี้เป็นแบบนี้แล้ว ถูกไหมครับ ผมบอกว่าบ้านของเรามีบรรพบุรุษ สร้างมาเราอย่าปฏิเสธ เมื่อก่อนออกรบ ปกป้องประเทศชาติสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้เป็นของใคร นี่คือบ้านของพ่อ แต่พวกคุณคือผู้อาศัย แล้วคุณก็มาด่าพ่อ ผมเปรียบเทียบเหมือนบ้านหลังหนึ่ง แล้วเรามาด่าพ่อ แล้วมาไล่พ่อออกจากบ้าน ทำได้อย่างไร

Q: แล้ววันนี้บ้านหลังเดิมที่น่าอยู่ในสมัยก่อน ถึงวันนี้เราต้องยอมรับว่ามันขัดแย้งกันมาก คิดว่ามันจะสามารถกลับไปเป็นบ้านหลังเดิมที่อบอุ่นได้ไหม...?

A: ได้ครับ ผมยังเชื่อในความเป็นคนไทย และเชื่อว่าสุดท้ายคนไทยรักกัน เพราะผมเชื่อว่ามันมีมากกว่าชาติอื่น ความเห็นต่าง และความแตกระแหงคงเป็นวิบากกรรมที่มันอาจจะเข้ามาในช่วงหนึ่งของชีวิต ประเทศนี้มันก็เหมือนกับชีวิตเรา ที่บางครั้งก็มีอุปสรรคอะไรก็ไม่รู้ สุขบ้างทุกข์บ้างซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายผมเชื่อว่าบ้านหลังนี้จะอบอุ่นและสวยงามเหมือนเดิม เพราะว่าผมยังเชื่อในความรัก ความสามัคคีของคนไทย ซึ่งพ่อเราสอนมาตั้งแต่เราลืมตา คำว่าสามัคคีเราได้ยินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ว่าในวันนี้เราเห็นความคิดต่าง บางครั้งกิเลส ตัณหามันเข้ามาครอบนำก็อาจทำให้หลงไปบ้าง แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดความดีมันจะชนะทุกอย่างและเราจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม

Q: อยากฝากอะไรไปถึงลูกๆ ที่ทำตัวเลวด่าพ่อโดยไม่ฟังเหตุผลรอบด้านบ้างไหม...?

A: ถ้าจะเปรียบเทียบพวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนพี่น้องเราครับ เราก็คงได้แค่โกรธ แต่ผมไม่ทำร้าย สิ่งที่ผมจะทำได้คือสอนให้เค้าเข้าใจว่าให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยที่พ่อทำให้เรามาทั้งชีวิต นี่คือสิ่งที่ผมจะทำ ผมคงไม่ไปทำร้ายเขา ถามว่าโกรธมั้ย โกรธแน่ๆ ครับ เพราะผมถือว่าผมเข้าใจและผมเห็นมาและผมก็จะให้เข้าใจว่าทำไม ความไม่เข้าใจของผมก็จะถูกชะล้างความรู้สึกที่สงสาร และก็อยากสร้างความเข้าใจให้เค้า หันมาเห็นความดีของพ่อให้ได้ อันนั้นคือหน้าที่ของผม และไม่ไช่ผมคนเดียวที่ต้องทำ สื่อก็ต้องช่วยทำ เพราะว่าบางครั้งประเด็นของความรักความจงรัก การแสดงถึงความจงรักภักดีต่อท่าน แต่ในประเด็นที่มีการก้าวล่วงประเด็นของเว็บไซต์ต่างๆ อะไรต่อมิอะไรที่มันเกิดขึ้นที่เราก็เห็นกันอยู่บางครั้งก็ถูกลืม บางครั้งเรามีความรู้สึกที่ว่าเราแตะต้องได้ไหม เราต้องอย่ารู้สึกลังเล ที่จะปกป้องคนที่กล่าวล่วงคนที่ด่าพ่อ เราต้องหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาคุยด้วย แต่เราอย่าเกลียดกันอย่าทำลายกัน ที่สำคัญอย่างปล่อยให้พ่อโดดเดี่ยว


Q: ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากจะฝากอะไรกับคุณ ทักษิณ ชินวัตรบ้าง..?

A: ผมไม่พูดถึงดีกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ถวายชีวิตให้พ่อ ผมคิดว่าทหารทุกๆ นาย ประชาชนทุกๆ คน และผมคิดว่ามีคนที่รักในหลวงมากกว่าผมอีกเยอะ เยอะมากๆ โดยเฉพาะพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นี่ถวายชีวิตให้ท่านมาทั้งชีวิต

Q: จะลงเล่นการเมืองไหม...?

A: ผมไม่ถนัด ผมยังไม่พร้อม เหมือนกับการเล่นฟุตบอล ถ้าไปเล่นกับคนที่เก่งๆแล้วเราคงสู้เขาไม่ได้ เราก็ไม่ควรไปทำอะไรที่เราไม่ถนัด แต่อนาคตไม่แน่ครับ

Q: ถ้าเป็นไปได้ในฐานะลูก อยากจะพูดอะไรกับพ่อในวันที่พ่อทุกข์ใจ...?

A: คนไทยทุกคนรักท่าน เท่านี้แหละครับ ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นพลังรักในหลวง ซึ่งพลังงานของความรักมันยิ่งใหญ่มหาศาลมาก เพราะพลังงานความรักของเราทุุกคนจะเป็นเกราะคุ้มกันให้ท่านไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว

Q: สำหรับในหลวงคืออะไรในชีวิตของคุณ...?

A: พ่อก็เป็นพ่อ ไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าพ่อ และไม่มีอะไรที่จะมีคุณค่ามากกว่าคำว่า "พ่อ"


โดย นวัตกร สุขชาญ
18 พ.ค. 2553, 05:30 น.

Monday, March 7, 2011

ราชวงศ์พระร่วง

ราชวงศ์พระร่วง

พระร่วง เป็นพระนามที่ใช้เรียกกษัตริย์ของอาณาจักรสุโขทัย มิได้เฉพาะเจาะจงว่าหมายถึงผู้ใด แต่เป็นที่ยอมรับกันว่า พระร่วงองค์สำคัญได้แก่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ผู้แยกตัวเป็นอิสระจากขอม พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ผู้โปรดให้สร้าง ลายสือไท ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1826 และ พระร่วงลิไท ผู้แต่ง"เตภูมิกถา หรือ ไตรภูมิพระร่วง" ขึ้น การจัดลำดับสุโขทัยนั้นมีการจัดลำดับแตกต่างกันดังนี้
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงจัดลำดับไว้ดังนี้

สมัยที่เป็นอิสระ

1. พระเจ้าศรีอินทราทิตย์
2. พระเจ้าบานเมือง
3. พระเจ้ารามคำแหง
4. พระเจ้าเลอไท
5. พระเจ้าลิไท (มหาธรรมราชาที่ 1)

สมัยขึ้นแก่กรุงศรีอยุธยา

6. พระมหาธรรมราชาที่ 2
7. พระมหาธรรมราชาที่ 3
8. พระมหาธรรมราชาที่ 4

ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร จัดลำดับกษัตริย์สุโขทัยไว้ดังนี้


พระนาม
ปีครองราชย์
ปีสวรรคต

1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ.ศ. 1762-1731 -
2. พ่อขุนบานเมือง - -
3. พระขุนรามราช(รามคำแหง) พ.ศ. 1822 ประมาณ พ.ศ. 1862
4. พระยาเลอไท - -
5. พระยางัวนำถม - -
6. พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) พ.ศ. 1890 ระหว่าง พ.ศ. 1911-1917
7. พระมหาธรรมราชาที่ 2 - ประมาณ พ.ศ. 1942
8. พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไท) - พ.ศ. 1962
9. พระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) - ประมาณ พ.ศ. 1981

หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี ทรงจัดลำดับกษัตริย์สุโขทัยไว้ดังนี้



พระนาม
ปีครองราชย์
ปีสวรรคต

1. พ่อขุนศรีนาวนำถม - -
2. พ่อขุนศรีอินทรบดินทราทิตย์ - -
3.พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ราว พ.ศ. 1806 -
4. พระยาบานเมือง - -
5. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ.ศ. 1822 -
6. พระยาไสสงคราม - พ.ศ. 1865
7. พระยาเลอไท(ธรรมิกราช) พ.ศ. 1865 พ.ศ. 1883
8. พระยางัวนำถม พ.ศ. 1883 พ.ศ. 1890
9. พระมหาธรรมราชา (ลิไท) พ.ศ. 1890 พ.ศ. 1922
10. พระมหาธรรมราชาที่ 2 ไม่ได้ขึ้นครองราชสมบัติ
11. พระมหาธรรมราชา (ไสลือไท) พ.ศ. 1922 พ.ศ. 1962
ก) สมัยผู้สำเร็จราชการ พ.ศ. 1922-1931
1. พระนางมหาเทวี พ.ศ. 1922 พ.ศ. 1924
2. พระยาศรีเทพาหูราช พ.ศ. 1924 พ.ศ. 1931
12. บรมปาลธรรมิกราช พ.ศ. 1962 พ.ศ. 1981

สายสัมพันธ์สองราชวงศ์ จากราชวงศ์พระร่วงสู่ราชวงศ์จักรี

เรียบเรียงจาก หนังสือเล่าเรื่องเมืองสยาม

         เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ผู้มีเชื้อสายราชวงศ์ชัยปราการตะวันออก (ราชวงศ์เวียงชัยบุรี) ทรงก่อตั้งราชอาณาจักรสุโขทัยขึ้นในปี พ.ศ. 1781 แล้ว พระองค์ก็ได้ทรงสถาปนาตั้งราชวงศ์พระร่วง ขึ้นปกครองกรุงสุโขทัยพร้อมกันในครั้งนั้นด้วย โดยราชวงศ์พระร่วงมีพระมหากษัตริย์ปกครองสยามประเทศสืบมา 5 พระองค์ และภายหลังที่ตกเป็นหัวเมืองประเทศราชของราชอาณาจักรอยุธยาแล้วราชวงศ์พระร่วงก็มีเจ้าผู้ครองนครอีก 3 พระองค์ ก่อนจะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอยุทธยา

          ในรัชกาลสมเด็จพระอินทรราชาธิราช แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ได้ตรัสขอพระราชธิดาของพระมหาธรรมราชาที่ 4 เจ้าผู้ครองนครพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์พระร่วง ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าสามพระยา พระราชบุตร ซึ่งในครั้งนั้นทรงครองอยู่เมืองชัยนาท

           ต่อมาเจ้าสามพระยา ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ และทรงมีพระราชโอรสอันเกิดจากพระราชธิดาพระองค์นั้น ทรงพระนามว่า พระราเมศวร และในกาลต่อมาพระราชกุมารก็ได้ทรงราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากพระราชบิดา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งนับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรอยุทธยาที่มีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงและราชวงศ์สุพรรณภูมิ

          เมื่อกรุงศรีอยุทธยาเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่าได้ทรงราชาภิเษกให้ขุนพิเรนทรเทพ ซึ่งทรงสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์พระร่วง ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ทำให้ราชวงศ์พระร่วงกลับเข้ามาปกครองสยามประเทศอีกครั้งในนามราชวงศ์สุโขทัย ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารความว่า "...ฝ่ายพระบิดาเป็นเชื้อพระวงศ์สมเด็จพระร่วง พระมารดาเป็นพระญาติสมเด็จพระไชยราชา..."

         ราชวงศ์สุโขทัยสถิตสถาพรปกครองกรุงศรีอยุทธยาอยู่เพียง 61 ปี มีพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น 7 พระองค์ ก็ถูกสมเด็จเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ สมุหพระกลาโหม ชิงราชสมบัติสมบัติ แล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยราชวงศ์ปราสาททองนี้แยกมาจากราชวงศ์พระร่วง เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงเป็นพระโอรสลับของสมเด็จพระเอกาทศรถ แห่งราชวงศ์สุโขทัย อันเกิดจากสาวชาวเกาะบางปะอิน

         นอกจากนี้ราชวงศ์ปราสาททองยังได้มีส่วนพัวพันกับราชวงศ์พระร่วงอีกประการหนึ่งคือ หม่อมเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์พระร่วง ซึ่งทรงสืบเชื้อสายมาจากพระยาพระราม เมื่อครั้งแผ่นดินพระมหาธรรมราชา (พระยาพระรามอันเป็นพระปฐมขัตติยราชวงศ์จักรี เป็นพระญาติกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แห่งราชวงศ์สุโขทัย เนื่องจากได้แต่งงานกับพระธิดาของสมเด็จพระเอกาทศรถ ) ได้เป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งต่อมาในภายหลังทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกรมพระเทพามาตย์ เป็นที่รู้จักกันดีในพระนาม "เจ้าแม่วัดดุสิต" โดยเจ้าแม่วัดดุสิตนี้ได้ทรงเษกสมรสกับหม่อมเจ้าเจิดอุภัย แห่งราชวงศ์พระร่วง มีโอรสองค์โตคือ หม่อมราชวงศ์ปาน ต่อมาภายหลังได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณจนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

         เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) มีบุตรคนใหญ่ชื่อ ขุนทอง ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่ เจ้าพระยาวรวงศาธิราช เสนาบดีกรมคลัง

          เจ้าพระยาวรวงศาธิราช (ขุนทอง) มีบุตรคนใหญ่ชื่อ ทองคำ ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระได้เป็นพระยาราชนิกูล ปลัดทูลฉลองในกรมมหาดไทย และได้ย้ายบ้านเรือนมาอยู่ที่บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี จนมีบุตรคนใหญ่ชื่อ ทองดี จึงได้ย้ายครอบครัวกลับมาอยู่ที่ป้อมเพชร กรุงศรีอยุทธยา โดยนายทองดีนี้ภายหลังในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระได้เป็นที่ พระอักษรสุนทรศาสตร์

          พระอักษรสุนทรศาสตร์ เป็นบิดาของนายท้องด้วง ซึ่งต่อมาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งจักรีบรมราชวงศ์

          นายทองด้วง ผู้นี้แต่เดิมในสมัยกรุงศรีอยุทธยาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (พระเจ้าตาก) ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ณ กรุงธนบุรีนั้น ได้ทรงทราบดีว่าเจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) สืบเชื้อสายมาจากพระยาพระรามเจ้านายฝ่ายราชวงศ์พระร่วง ดังนั้นเมื่อเจ้าพระยาจักรีรบชนะอะแซหวุ่นกี้ จึงได้รับพระราชทานบำเหน็จและพระกรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนขึ้นเป็น "สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิลึกมหึมาทุกนคราระอาเดช นเรศวรสุริยวงศ์ องค์อัครบาทมุลิกากร บวรรัตนปรินายก ณ กรุงเทพมหานครบวรทวารวดี กรุงศรีอยุทธยา"

          ในปลายสมัยกรุงธนบุรีนั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และจักรีบรมราชวงศ์นี้ก็ได้สืบสันตติวงศ์ ดำรงพระมหาเศวตรฉัตรเป็นสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าต่อเนื่องมาไม่ขาดสาย จวบจนปัจจุบันนี้ก็เป็นรัชสมัยแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช อันเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งพระราชวงศ์นี้

          ประเทศสยามได้มีพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์พระร่วง สืบเนื่องต่อกันมาไม่ขาดสายนับตั้งแต่แรกสถาปนาพระราชอาณาจักรสยามในดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อ พ.ศ. 1781 และพระราชวงศ์นั้นยังดำรงสถิตสถาพรมาอยู่ทุกวันนี้ในพระปรมาภิไธยแห่งองค์พระมหากษัตริยาธิราช ผู้เป็นเจ้าของนพปฏลมหาเศวตรฉัตรเช่นเดียวกัน